สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

- พิพิธภัณฑ์ วัดพรหมทินใต้
แหล่งโบราณคดีบ้านพรหมทินใต้ พิพิธภัณฑ์บ้านพรหมทินใต้ บ้านพรหมทินใต้ หมู่ที่ 11 ตำบลหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี การศึกษาแหล่งโบราณคดีพรหมทินใต้เริ่มเมื่อปีพ.ศ. 2529 โดยกรมศิลปากร ได้เข้ามาทำการสำรวจเมืองโบราณในเขตจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้พบเมืองโบราณหลายแห่งรวมไปถึงเมืองโบราณบ้านพรหมทินใต้ จากการสำรวจครั้งนั้นพบหลักฐานประเภทเศษภาชนะดินเผาตั้งแต่เนื้อธรรมดาจนถึงเนื้อแกร่ง ไม่มีการตกแต่งมากนัก(สันนิษฐานว่าภาชนะผลิตขึ้นในชุมชน) และยังพบเครื่องถ้วยแบบจีนสมัยราชวงศ์เหม็ง ภาชนะรูปแบบไหขอม เครื่องเคลือบจากกลุ่มเตาศรีสัชนาลัย รวมทั้งยังพบบันทึกภาษาบาลี อักษรปัลวะ (พุทธศตวรรษที่ 11-12) และอักษรหลังปัลวะ (พุทธศตวรรษที่ 13) พ.ศ. 2534 กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดค้นภายในวัดพรหมทินใต้ บริเวณด้านข้างพระอุโบสถหลังเก่าโดยได้ทำการบูรณะพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งเป็นพระอุโบสถในสมัยอยุธยา จากการสำรวจและการขุดค้นอย่างเป็นระบบในแหล่งโบราณคดีพรหมทินใต้ รวมทั้งการตรวจสอบโบราณวัตถุ เช่น เหรียญทวารวดี จารึก ที่มีชาวบ้านนำมามอบให้ และจากการศึกษาชั้นดิน พอสรุปได้ว่ามี 3 สมัยดังนี้
สมัยที่ 1 เป็นสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ซึ่งรวมถึงยุคสำริดตอนปลายและยุดเหล็กหลักฐานที่พบได้แก่โครงกระดูกมนุษย์ สิ่งที่พบร่วมกับโครงกระดูก เช่น ภาชนะดินเผารูปทรงต่าง ๆ (เกือบทั้งหมดมีการตกแต่งผิวด้วยการขัดมัน) เครื่องมือเหล็ก กำไรสำริด ลูกปัด แวดินเผา เป็นต้น หลักฐานเหล่านี้พบอยู่ในชั้นดินล่างสุดเท่าที่มีการขุดค้นในขณะนั้น จากการกำหนดอายุเคลือบฟันสุนัขซึ่งพบรวมกับโครงกระดูกมนุษย์อยู่ระหว่าง 2,500-3,000 ปีมาแล้ว
สมัยที่ 2 เป็นช่วงที่มีการใช้พื้นที่ต่อเนื่องยาวนานที่สุด ชั้นดินหนาเฉลี่ยประมาณ 100 เซนติเมตร เป็นชั้นที่วางตัวอยู่ถัดขึ้นมาจากชั้นดินก่อนสมัยประวัติศาสตร์ตอนปลาย หลักฐานที่พบจากการขุดค้นมีหลากหลายเช่น ภาชนะดินเผาแบบต่างๆ โดยเฉพาะภาชนะแบบมีสัน ลูกปัดแก้ว เบี้ยดินเผา ชิ้นส่วนพวยกา หินดุ ฯลฯ (ราวพุทธศตวรรษที่ 11-13) นอกจากนี้ยังมีการค้นพบเหรียญตามแบบทวารวดี และจารึกภาษาบาลี กำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-12
สมัยที่ 3 หลักฐานที่พบได้แก่ ซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐ(อุโบสถและเจดีย์) เครื่องปั้นดินเผาเนื้อแกร่ง เครื่องถ้วยสังคโลก เครื่องถ้วยจีนและเครื่องเคลือบสีน้ำตาลแบบสุโขทัย เป็นต้น สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 19-2







2. วัดเขาวงพระจันทร์
วัดเขาวงพระจันทร์ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองลพบุรีประมาณ 28 กม. ตามเส้นทางถนนพหลโยธิน ตรงหลัก กม. ที่ 178 มีทางแยกเลี้ยวขวาอีก 5 กม. ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยโป่งอำเภอโคกสำโรงบริเวณเชิงเขาจะเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ จะมีทางบันไดไปสู่ยอดเขาประมาณ 3,799 ขั้นยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร ถ้าวัดจากเชิงเขาถึงยอดเขาโดยแนวบันไดจะยาว 1,680 เมตร ใช้เวลาเดินทางจากเชิงเขาถึงยอดเขาประมาณ 2-3 ชั่วโมง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา สถานที่นี้เป็นแหล่งสะสมวัตถุโบราณ ของหายากมากมาย และพระพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย เพราะ หลวงปู่ฟัก อดีตเจ้าอาวาสท่านเป็นนักสะสมพระเครื่องมาก่อนที่ท่านจะบวช ซึ่งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์
พระพุทธโชค หรือ พระเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยเชียงแสน มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดลพบุรี และใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของประเทศไทย (รองจากพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ)พระพุทธโชคประดิษฐานอยู่บริเวณริมเชิงเขาวงพระจันทร์ โดยแรกเริ่มโครงการก่อสร้างจะใช้ชื่อว่า “พระเชียงแสน” องค์พระก่อด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดหน้าตักกว้าง 45 เมตร สูง 75 เมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างองค์พระ 8 ปี (โดยประมาณ)







3. สวนลำใย ป้าบัวทอง
คุณป้าบัวทอง น้อยเจริญ เกษตรกรชาวสวนลำไย บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวัดเขาวงพระจันทร์ หมู่ 10 ตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ซึ่งขณะนี้กำลังออกผลผลิตเต็มต้น และเป็นลำไยที่ออกนอกฤดูกาล รสชาติหวานกรอบ อร่อย ผลใหญ่ เนื้อเยอะ เมล็ดเล็ก และที่สำคัญ ลำไย แห่งนี้ ยังได้ ผ่านการรับรองมาตรฐานสินการการเกษตร GAP จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นลำไย สายพันธุ์ อีดอ ที่ต้นไม่สูงมากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเก็บเอง เลือกซื้อจากภายในสวนได้ด้วยตนเองเลย จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมและถ่ายรูปเซลฟี่ กับสวนลำไย ที่ลพบุรี ซึ่งถือเป็นการท่องเที่ยววิถีใหม่ ในรูแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในรูปแบบ เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง ด้วยการเที่ยวเมืองไทย ให้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับการท่องเที่ยวไทย ให้สามารถพร้อมฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชน




4. วิสาหกิจชุมบ้านสวนพอเพียง เอส.ที.ฟาร์ม
วิสาหกิจชุมชนบ้านสวนพอเพียง เอส.ที.ฟาร์ม เลขทะเบียน1-16-03-01/1-0019
วิสาหกิจชุมชนบ้านสวนพอเพียง เอส.ที.ฟาร์ม เกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรที่ชื่นชอบการทำเกษตรกรรมแบบธรรมชาติ ปราศจากการใช้สารเคมี สินค้าหลักของวิสาหกิจชุมชน คือ มัลเบอร์รี่ เมล่อน และมะนาว โดยมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยการแปรรูป สินค้าที่สำคัญของวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ น้ำมัลเบอร์รี่ น้ำมัลเบอร์รี่สกัดเข้มข้น น้ำมัลเบอร์รี่ผสมเสาวรส แยมมัลเบอร์รี่ ซอสมัลเบอร์รี่ โยเกิร์ตซอสมัลเบอร์รี่ ทาร์ตมัลเบอร์รี่ ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนต้องการจำหน่ายสินค้าส่งตรงถึงมือผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางเพื่อความสดใหม่ของสินค้า และราคาที่เป็นธรรม พร้อมกันนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าให้ผ่านการรับรองมาตรฐานอีกด้วย
ตั้งอยู่ที่ 17/2 ถนนพัฒนาชนบท3 หมู่ 8 ตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
โทรศัพท์ 084-9194448
















5. ทุ่งตะแบก เขาตะเภา
ทุ่งตะแบก เขาตะเภา ตั้งอยู่ที่ตำบลเพนียด อำเภอโคกสำโรง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือน กรกฎาคม – กันยายน ของทุกปี ดอกตะแบกสีชมพูอมม่วงจะบานทั่วทั้งเขาตะเภา บนพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ นอกจากความสวยงามของดอกตะแบกแล้ว ยังมีเส้นทางให้เดินชมธรรมชาติกับความร่มรื่นของป่าเขา เอาใจสายรักธรรมชาติสุด ๆ หลังจากชมทุ่งดอกตะแบกแล้ว ยังสามารถแวะไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท การแกะสลักหินพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่วัดราชบรรทม ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย













6. วัดเขาจรเข้ ตำบลวังเพลิง
วัดเขาจรเข้ ตำบลวังเพลิง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาภูเขามีลักษณะคล้ายหัวจระเข้ บนยอดมีวิหารและพระพุทธรูป สามารถเดินขึ้นบันไดเบาๆ ประมาณ 100 กว่าขั้น ไปกราบนมัสการพระบนยอดเขาได้ เขาจรเข้มีเรื่องเล่าตามตำนานเมืองลพบุรีว่า มีพ่อค้าคนจีน เดินทางมาค้าขายด้วยเรือสำเภา และได้มาพบสาวงามชื่อนางนงประจันทร์ เกิดรักใคร่ชอบพอ จึงมาสู่ขอกับพ่อของนาง ตอนที่ขบวนเรือขันหมากแล่นมาใกล้เมืองลพบุรี เมื่อชายหนุ่มที่เป็นคนรักของนางนงประจันทร์ทราบเรื่อง ก็แปลงกายเป็นจระเข้ตัวใหญ่ไปขวางขบวนเรือ และทำลายเรือขันหมาก นางนงประจันทร์เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดตกใจตกลงไปในน้ำ จนจมน้ำตาย จระเข้หนุ่มเมื่อล่มเรือขันหมากแล้วเห็นคนรักตกน้ำพยายามจะว่ายไปช่วยแต่หมดแรงก่อนจึงจมน้ำตายกลายเป็นภูเขาชื่อเขาจรเข้ จนถึงทุกวันนี้ วัดเขาจรเข้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการทำบุญและสัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามจากมุมสูง ระหว่างเที่ยวชมวัดเขาจระเข้ท่านยังสามารถแวะให้อาหารแพะ รับชมวิถีชาวบ้านได้ที่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะบ้านเขาจรเข้ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับบริเวณวัดได้อีกด้วย






















